โคเคน เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ โดยสกัดมาจากใบของต้นโคคา (erythroxylum coca)ซึ่งเป็นพืชที่มีถิ่นที่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทอย่างแรง และมีคุณสมบัติเป็นยาชาเฉพาะที่ จัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
รูปแบบ โคเคนที่นิยมเสพส่วนใหญ่ ได้แก่
1. โคเคนไฮโดรคลอไรด์ จะมีลักษณะเป็นผงผลึกสีขาว เสพโดยการสูดผงยาเข้าโพรงจมูก (snort) หรือนำไปละลายน้ำแล้วฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
2. ฟรีเบสโคเคน จะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาว ไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มคล้ายดินลูกรัง มีชื่อเรียกเฉพาะว่า แคร็ก (crack) หรือ ร็อค (rock) เสพโดยการนำไปเผาไฟแล้วสูบควัน (smoke)เข้าปอด
ความรุนแรงของอาการทางจิต ที่เกิดจากโคเคน จะมีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปริมาณ และความเร็วของโคเคนที่เข้าสู่สมอง หากสูดผงยาเข้าจมูก จะออกฤทธิ์ภายใน 3 – 5 นาที และหากเสพโดยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำจะออกฤทธิ์ภายใน 15 – 30 วินาที โดยยาจะออกฤทธิ์อยู่ได้นาน 20 – 30 นาที
ผลทางร่างกาย ที่เกิดจากโคเคน ทำให้เกิดภาวะตื่นตัว (alertness) และมีพละกำลัง อาการที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดคือ มือจะสั่น อัตราการเต้นหัวใจเร็วขึ้น ความดันเลือดสูง อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นจนถึง 45.5 c อาจเกิดอาการชัก หมดสติ ระบบการหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้
ผลทางจิตใจ ที่เกิดจากโคเคน ผู้เสพจะมีอาการเคลิบเคลิ้มเป็นสุข (euphoria) ความวิตกกังวลลดลง อาการประหม่าต่อการเข้าสังคมลดลง มีอารมณ์ทางเพศ การเสพต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ได้แก่อาการพูดพล่ามไม่หยุด เปิดเพลงดังสนั่น ไม่กินอาหาร ไม่หลับไม่นอน และมีความแปรปรวนทางอารมณ์อยู่ตลอดเวลา
การเสพติดโคเคนทางจิตใจ ผู้เสพจะติดใจในฤทธิ์เคลิบเคลิ้มเป็นสุข (euphoria) ในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อไม่ได้เสพ ตัวผู้ติดยาจะมีอาการกระสับกระส่ายกังวลใจอย่างรุนแรง ร่างกายอ่อนล้า และจิตใจหดหู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เสพติดโคเคนส่วนใหญ่จึงมักเสพยาติดต่อกันไปเรื่อยๆ ก่อให้เกิดปัญหาการได้รับยาเกินขนาด ทำให้เกิดอาการพิษของโคเคนขึ้นได้ คือมีอาการชัก ระบบการหายใจล้มเหลว หัวใจวาย หรือเส้นเลือดในสมองแตก และเสียชีวิตได้
บทกำหนดโทษ
ปัจจุบัน โคเคน (Cocaine) ถูกควบคุมเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มีการควบคุมและบทกำหนดโทษดังนี้